เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
u51152792012 นางสาวเกษศิณี อินทรโก คณะ วิทยาการจัดการ หลักสูตร คอมพิวเตอร์ธุรกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต

วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

งานครั้งที่ 2 Topology,DDos,Firewall,802.3.5.11

ให้นักศึกษาหาคำอธิบายภาษาอังกฤษและภาษาไทย คำว่า Topology,DDoS,Firewall,802.3.5.11

1.Topology
Topology is the physical (external) network, which refers to the nature of the communication line associated with the device. Electronics and computer. Within the network with the same time. Topology of the network, each LAN is appropriate to use. Different away. Implementation is necessary for us to study the style and features. Advantages and disadvantages of each topology. To be used in designing the network. Suitable for use. Form of topology. Of the major networks are following.
1. Topology bus (BUS).
2. Topology ring (RING).
3. Topology stars (STAR).
4. Topology Hybrid.
5. Topology MESH.

 2. DDoS (Distributed Denial of Service)
 คือการโจมตีในรูปแบบเดียวกันกับ DoS แต่จะต่างกันตรงที่ว่าจะใช้หลายๆเครื่องช่วยในการทำซึ่งจะให้ผลลัพธ์ที่เป็นอันตรายและรวดเร็วมากกว่าการทำโดยใช้เครื่องเดียวมากนัก การโจมตีด้วยวิธีการ DDoS (Distributed Denial of Service) นี้นั้นการป้องกันเป็นไปได้ยากเพราะเกิดขึ้นจากหลายๆที่และหลายๆจุดซึ่งการโจมตีด้วยวิธีการ DDoS นี้นั้นจะเกิดขึ้นจากการที่ใช้ Bots ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ทำหน้าที่บางอย่างโดยอัตโนมัติ เข้าไปฝังตัวอยู่ที่เครื่อง Computer ของเหยื่อโดยจะเปลี่ยนให้computer เครื่องนั้นกลายเป็น Zombies เพื่อที่จะรอรับคำสั่งต่างๆจากผู้โจมตีโดยผ่านช่องทางต่างๆเช่น IRC เป็นต้น
ตัวอย่าง Bot ที่เป็นที่นิยม
• Eggdrop
• Stom
• Kraken
• MayDay
• ASProx

3.Firewall

ถ้าแปลเป็นภาษาไทย จะหมายถึง กำแพงไฟ ซึ่งน่าจะหมายถึงการป้องกันการบุกรุก โดยการสร้างกำแพง อย่างไรก็ตาม ความหมายของ Firewall สามารถอธิบายได้ดังนี้ คือ Firewall เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับป้องกันระบบ Network (เครือข่าย) จากการสื่อสารทั่วไปที่ถูกบุกรุก จากผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาต เป็นเรื่องเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยในระบบ Network หรือระบบเครือข่าย การป้องกันโดยใช้ระบบ Firewall นี้จะเป็นการกำหนดกฏเกณฑ์ในการควบคุมการเข้า-ออก หรือการควบคุมการรับ-ส่งข้อมูล ในระบบเครือข่าย นั่นเอง

การป้องกันการเข้าถึงระบบ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท

1.      Logical Access หมายถึง การเข้าถึงผ่านระบบ Network เช่น ผ่านระบบ เครือข่ายอินเทอร์เน็ต เป็นต้น
2.      Physical Access หมายถึง การเข้าถึงในลักษณะถึงตัวเครื่องจริงๆ พูดง่ายๆ คือ การเข้าถึงในลักษณะเดินเข้ามาใช้งาน หรือลักลอบเข้ามาใช้งานถึงตัวเครื่องคอมฯ ในระบบ Network นั้นๆ

คุณสมบัติของ Firewall

·         Protect
Firewall
เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการป้องกัน โดยข้อมูลที่มีการรับหรือส่งผ่านระบบเครือข่าย โดยจะถูกกำหนดเป็นกฏเกณฑ์ หรือ Rule เพื่อใช้บังคับในการสื่อสารภายในเครือข่าย (ข้อมูลที่มีการรับส่งภายใน หรือภายนอกระบบเครือข่าย เราเรียกว่า Package)
·         Rule Base
ข้อกำหนดในการควบคุมการรับ-ส่งข้อมูลภายในระบบเครือข่าย ดังนั้น การติดตั้ง Firewall จะต้องมีการกำหนดกฏเกณฑ์ ในการควบคุมการทำงานในระบบเครือข่าย
·         Access Control
หมายถึง การควบคุมระดับการเข้าถึง การรับ-ส่งข้อมูล
 

4.IEEE 802 LAN / MAN
คณะกรรมการมาตรฐานการพัฒนาท้องถิ่นมาตรฐาน Area Network และ Metropolitan Area Network มาตรฐาน มาตรฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมากที่สุดสำหรับครอบครัว Ethernet, Token Ring, Wireless LAN, Wireless PAN, Wireless MAN, Bridging และ bridged Virtual LANs แต่ละคณะทำงานให้ความสำคัญสำหรับแต่ละพื้นที่
IEEE 802 มาตรฐานสามารถดาวน์โหลดได้ฟรี!IEEE ได้เริ่มทำ 802 มาตรฐานที่สามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บ สิบสองเดือนหลังจากการพิมพ์เริ่มต้นของมาตรฐานนั้นจะสามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่ นอกเหนือจากมาตรฐาน, มีคำถามเกี่ยวกับมาตรฐานเป็นครั้งคราวเป็นที่ 802 คณะทำงานการตอบสนอง การตอบสนองเหล่านี้สามารถพบได้ในมาตรฐาน IEEE เว็บไซต์สมาคมภายใต้มาตรฐานการตีความ

IEEE802.3
คือโปรโตคอลในเครือข่าย Ethernet อัตราเร็ว 10Mbps ใช้มาตรฐานโปรโตคอล 1-persistantCSMA/CD มีกฏเกณฑ์การทำงานคือ โหนดจะส่งข้อมูลได้ก็ต่อเมื่อสายสื่อสารว่าง
ถ้ามีโหนดมากกว่า 1 ส่งข้อมูลพร้อมเดียวกัน ข้อมูลจะชนกัน โหนดที่ส่งข้อมูลจะต้องหยุดการส่งข้อมูล รอสุ่มเวลา ใครใช้เวลาสุ่มน้อยกว่าจะมีสิทธิ์ส่งข้อมูลก่อน และสายสื่อสารจะไม่ว่าง
 IEEE 802.3
มาตรฐาน 802.3 เริ่มต้นมาจากบริษัท Xerox ได้สร้างระบบเครือข่ายเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ 100สถานีภายใน โดยมีความยาวของเครือข่ายถึง 1กิโลเมตร และอัตราส่งข้อมูลได้ถึง 2.94Mbps ระบบนี้เรียกว่า Ethernet
ต่อมา บริษัท Xerox ,Dec และ Intel ได้ร่วมกันพัฒนามาตรฐาน Ethernet ซึ่งมีอัตราส่ง 10 Mbps ซึ่งมาตรฐานนี้เป็นพื้นฐานของIEEE 802.3
IEEE802.5
หรือโทเค็นริง หรือมักเรียกว่าIBM Token Ring จัดเป็นเครือข่ายที่ใช้ Ring topology ด้วยสาย Twisted pair หรือ fiber optied อัตราการส่งข้อมูลของ Token Ring ที่ใช้โดยทั่วไปคือ4และ6 Mbps
การทำงานของToken Ring จะมีเฟรมพิเศษเรียกว่า โทเค็นว่าง (free Token)วิ่งวนอยู่ในทิศทางเดียว
การส่งข้อมูลจะต้องรอให้ Free Token เปลี่ยนมาเป็น เฟรมข้อมูลโดยใส่แฟล็กแสดงเฟรมข้อมูลและบรรจุ Address ชองสถานีต้นทางและสถานีปลายทางตลอดจนข้อมูลอื่นๆจากนั้นสถานีจึงปล่อยเฟรมนี้ออกไป ดังรูป เม่อสถานีปลายทางไว้และปล่อยเฟรมให้วนกลับมายั งสถานีส่ง สถานีส่งจะตรวจสอบและปล่อย Free Token คืนสู่เครือข่ายให้สถานีอื่นมีโอกาสส่งข้อมูล่อไป
กลไกแบส่งผ่าน Token จัดอยู่ในประเภทประเมินเวลาได้ กล่าวคือสามารถคำนวณเวลาสูงสุดที่สถานีมีสิทธิใช้Tokenเพื่อส่งข้อมูลได้
Token Ring จึงเหมาะสำหรัระบบที่ต้องการความแน่นอนทางเวลาหรืองานแบบเวลาจริง
ถ้าให้พูดกันแบบเข้าใจง่ายๆ มาตรฐาน IEEE 802.11 คือ มาตรฐานของการรับ - ส่งข้อมูล
โดยอาศัยคลื่นความถี่ ตัวอย่างของการใช้งานเช่น Wireless Lan หรือ Wi-Fi และอีกทั้งยังได้ถูก
พัฒนาต่อเนื่องมาเรื่อยๆ เรามาลองทำความคุ้นเคยกันดูนะครับ
มาตรฐาน IEEE 802.11a
มาตรฐาน IEEE 802.11a เป็นมาตรฐานแรกที่ได้รับการประกาศออกมา โดยอาศัยการส่ง
ข้อมูลในช่วงคลื่น 5 GHz ซึ่งเป็นคลื่นความถี่ที่สูง ทำให้ความเร็วในการส่งข้อมูลสูงตามไปด้วย
โดยมีความสามารถในการรับ - ส่งข้อมูลได้สูงสุดที่ 54 Mbps แต่ในช่วงแรกบางประเทศไม่อนุญาต
ให้ใช้งาน เนื่องจากคลื่นความถี่ 5 GHz นั้นไม่ใช่ความถี่สาธารณะ จำเป็นต้องได้รับอนุญาตเสียก่อน
มาตรฐาน IEEE 802.11b
มาตรฐาน IEEE 802.11b เป็นมาตรฐานที่ออกมาพร้อมกับ 802.11a เพียงแต่ใช้คลื่นความถี่
ที่ 2.4 GHz ซึ่งเป็นคลื่นความถี่ที่ต่ำกว่า 802.11a จึงทำให้มีความเร็วในการรับ - ส่งข้อมูลที่ช้ากว่า
โดยมีความสามารถในการรับ - ส่งสูงสุดที่ 11 Mbps เท่านั้น แต่เนื่องจากคลื่นความถี่ 2.4 GHz เป็น
คลื่นความถี่สาธารณะ จึงสามารถนำไปใช้งานได้ในทุกๆ ประเทศ โดยไม่จำเป็นต้องขออนุมัติก่อน
แต่เนื่องจากเป็นคลื่นความถี่สาธารณะ ดังนั้นอุปกรณ์ไร้สายอื่นๆ จึงใช้คลื่นความถี่นี้เช่นเดียวกัน
เลยทำให้เกิดสัญญาณรบกวนกันได้ง่ายมาก ทำให้ประสิทธิภาพของมาตรฐานนี้จึงถูกลดทอนด้วย
ปัจจัยจากสภาพแวดล้อม
มาตรฐาน IEEE 802.11g
มาตรฐาน IEEE 802.11g เป็นมาตรฐานที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาจาก 802.11b โดยยังคงใช้
คลื่นความถี่ 2.4 GHz แต่มีความเร็วในการรับ - ส่งข้อมูลเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 54 Mbps หรือเท่ากับ
มาตรฐาน 802.11a เพียงแต่ว่าความถี่ 2.4 GHz ยังคงเป็นคลื่นความถี่สาธารณะอยู่เหมือนเดิม ดังนั้น
จึงยังมีปัญหาเรื่องของสัญญาณรบกวนจากอุปกรณ์ที่ใช้คลื่นความถี่เดียวกันอยู่ดี
มาตรฐาน IEEE 802.11N
มาตรฐาน IEEE 802.11N อาจจะยังไม่ถือว่าเป็นมาตรฐานจริงๆ เนื่องจากยังไม่ได้ประกาศ
ออกมาอย่างเป็นทางการ เพราะยังคงอยู่ในช่วงระหว่างการพัฒนาอยู่ และใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ซึ่ง
มาตรฐาน 802.11N จะเป็นการพัฒนาแบบก้าวกระโดดด้วยการใช้เทคโนโลยีมากมายเข้ามาช่วย
เพื่อเพิ่มความเร็วในการรับ - ส่งข้อมูลให้สูงขึ้น โดยจะมีความเร็วอยู่ที่ 300 Mbps หรือเร็วกว่าแลน
แบบมีสายที่มาตรฐาน 100 BASE-TX นอกจากนี้ยังมีระยะพื้นที่ให้บริการกว้างขึ้น โดยเทคโนโลยี
ที่ 802.11N นำมาใช้ก็คือเทคโนโลยี MIMO ซึ่งเป็นการรับส่งข้อมูลจากเสาสัญญาณหลายๆ ต้น
พร้อมๆ กัน ทำให้ได้ความเร็วสูงมากขึ้น และยังใช้คลื่นความถี่แบบ Dual Band คือทั้ง 2.4 GHz และ
5 GHz ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ว่าออกแบบมาให้ทำงานกับคลื่นใดหรือทำงานกับทั้งสองคลื่นพร้อมๆ กัน
ได้ ซึ่งทำให้บางประเทศที่ยังไม่ได้อนุมัติให้ใช้เครือข่ายไร้สายมาตรฐาน 802.11a อาจจะมีปัญหา
กับการใช้งานเครือข่ายไร้สายตามมาตรฐาน 802.11N
เป็นอย่างไรบ้างครับกับความรู้ในเรื่องของมาตรฐาน IEEE 802.11 หวังว่าคงจะถูกใจกัน
นะครับ ถ้ามีข้อมูลผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยด้วยครับ ฝากไว้อย่างหนึ่งคือว่า บางเรื่องมัน
อาจจะไม่สำคัญสำหรับการดำเนินชีวิต แต่ถ้ารู้ไว้บ้างก็คงไม่เสียหายหรอกครับ... แล้วอย่าลืม
ติดตามสาระความรู้ตอนต่อไปด้วยนะครับ ^^__


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น